เทคโนโลยีโลจิสติกส์ที่จะมาแรงในปี 2030

เทคโนโลยีโลจิสติกส์

อุตสาหกรรมโลจิสติกส์กับเทคโนโลยี

        อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ยังคงถูกพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ E-commerce ที่อนาคต ภายในอีก 5 – 15 ปีข้างหน้าจะมีระบบหรือการดำเนินงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งแนวโน้มของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลง อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และ Supply Chain เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า มีดังนี้

 

        1. Big Data

        การนำ Big Data มาใช้สำหรับการจัดการกับความเสี่ยง ที่ช่วยให้ลูกค้าและซัพพลายเออร์ทราบข้อมูลถึงความเป็นไปได้ของการจัดส่งที่อาจเกิดความล้มเหลว

        2. Sensor Technology

        การเพิ่มจำนวนในการใช้เซนเซอร์ในการขนส่งและการเพิ่มประสิทธิภาพของเซนเซอร์ เช่น เซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและความลึก เพื่อบอกว่าบนพาเลท รถบรรทุก หรือในคลังสินค้ามีพื้นที่เหลือเท่าใด

 

        3. Augmented reality

        ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจแว่นตาที่ประสบความสำเร็จด้วยการใช้เทคโนโลยี Augmented Reality ที่ลูกค้าสามารถเห็นสินค้าเสมือนจริง คล้ายกับสวมใส่จริงหรือมีพนักงานในร้านเลือกให้ ซึ่งแว่นตาเหล่านี้สามารถสแกนบาร์โค้ด แสดงรายการหยิบสินค้า ที่ตั้งของสินค้า และตำแหน่งที่สินค้าอยู่ ซึ่งธุรกิจนี้กำลังถูกนำไปเปิดตัวทั่วยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชีย

เทคโนโลยี-โลจิสติกส์-AGV

       4. 3D Printing

       ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า 3D Printing จะส่งผลต่อการผลิตแบบ Decentralized Production ทั่วโลก ซึ่งหมายความว่าสินค้าสามารถพิมพ์ได้ตามคำขอของลูกค้า แทนที่จะต้องจัดส่งในระยะทางไกล ทำให้ชิ้นส่วนหรืออะไหล่ไม่ต้องจัดส่งและเก็บไว้ในคลังสินค้าอีกต่อไป ด้วยคลังสินค้าเสมือนจริงนี้จะพิมพ์ชิ้นส่วนตามแบบจำลองแทน

 

       5. Robots

       คลังสินค้าประมาณ 80% ทั่วโลกยังใช้แรงงานของมนุษย์ในการจัดการ แต่ต่อไปในอนาคต หุ่นยนต์จะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในคลังสินค้า เช่น รถหยิบของอัตโนมัติที่สามารถติดตามผู้ปฏิบัติงานและเมื่อเต็มก็สามารถขับรถกลับไปที่สถานีบรรจุและส่งรถเข็นเปล่าอีกคันหนึ่งกลับไปที่พนักงานหยิบได้

 

       6. Drone

       การใช้โดรนสำหรับการขนส่งให้กับลูกค้าที่อยู่ในเมืองหรือในชนบท สามารถช่วยลดการจราจรที่ติดขัด และสามารถเข้าถึงในพื้นที่ที่ถูกจำกัดหรือยานพาหนะไม่สามารถขับเคลื่อนเข้าไปได้ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ คาดว่ายานพาหนะทางอากาศหรือโดรนไร้คนขับจะมีสัดส่วนประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของการขนส่ง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการขนส่งลงครึ่งหนึ่งสำหรับขั้นตอนการจัดส่งให้กับลูกค้า ซึ่งมีข้อดีหลายประการ เช่น การบริการเชิงพาณิชย์ที่มีประสิทธิภาพ การรักษาความปลอดภัย และการปกป้องสิ่งแวดล้อม 

        นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังคาดหวังว่าในอนาคต โดรนจะถูกนำมาใช้เพื่อค้นหาบุคคลที่หายไป ระบุตำแหน่งที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีอันตรายอีกด้วย  

เทคโนโลยี-โลจิสติกส์-ar

       7. Internet of Things

       เทคโนโลยี IoT ช่วยให้ผู้จัดการสามารถตรวจสอบ Flow ของวัตถุดิบ สินค้าคงคลัง การใช้พลังงานและประสิทธิภาพ  รวมถึงประสิทธิภาพของเครื่องจักร โดยเทคโนโลยี IoT เข้ามาช่วยในการปรับปรุงด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน การตรวจสอบ การวางแผน Supply Chain และการตรวจจับการโจรกรรม ซึ่งนำไปใช้ในกระบวนการได้หลากหลาย ได้แก่ การตรวจสอบความปลอดภัยของพนักงาน ต้นทุนการขนส่งที่ลดลง และการติดตามรถบรรทุกที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้ผู้จัดการตรวจสอบเงื่อนไขหรือข้อกำหนดระหว่างการจัดส่ง อุณหภูมิภายในอาคารในคลังสินค้า และจำนวนสินค้า ณ เวลาที่กำหนด

 

        8. Artificial Intelligence

        คาดว่าเทคโนโลยี AI จะเข้ามาพลิกโฉมภาคการขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 20% เนื่องจากมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ถูกพัฒนาและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการเชื่อมต่อระหว่างคนกับเครื่องจักร การจัดประเภทรถบรรทุก และการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์  โดย Human-machine Interface Solution ที่ประกอบด้วยซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จะช่วยสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่กับยานพาหนะ ปรับปรุงความปลอดภัย และรายงานข้อมูลสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งระบบจัดการรถบรรทุกจะใช้การควบคุมโดย Automated Support System และ Connectivity Technology ซึ่งมีข้อดีคือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 

 

       9. Social Media

        ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ Social Media ในการเช็กข้อมูลข่าวสารทุกวัน ซึ่งพลังของ Social Media กำลังเข้ามามีส่วนในการเพิ่มประสิทธิภาพอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และการดำเนินงานโดยรวม โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้กำลังกลายเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับบริษัทต่างๆ ในการสื่อสารกับลูกค้า การส่งข้อมูลด่วน ข่าวอุตสาหกรรม และการตอบกลับของลูกค้าอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลของ Hootsuite พบว่า 59% ของชาวอเมริกันที่มีบัญชี Social Media ยอมรับว่าการบริการลูกค้าผ่าน Social Media ทำให้การตอบคำถามและข้อกังวลต่างๆ ได้รับการแก้ไขได้ง่ายขึ้น 

 

        เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ การติดตามเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ยิ่งเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งจะยังคงผลักดันให้กระบวนการในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ถูกพัฒนาต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า 

เรียบเรียงและแปลข้อมูลจาก : 

  • https://ecommercenews.eu/dhl-6-technologies-will-change-logistics-2030/
  • https://ifa-forwarding.net/blog/logistics-services/technologies-that-will-transform-logistics-by-2030/
  • https://www.shapiro.com/how-technology-is-changing-the-future-of-logistics/