ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การพัฒนาเทคโนโลยี Internet of Things มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ E-Paper (E-Ink) ไม่ได้ถูกนำมาใช้แค่ในธุรกิจค้าปลีก เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายยาเท่านั้น แต่ยังถูกนำมาใช้ในด้านของการแสดงข้อมูลและการสื่อสารแบบอัตโนมัติ เพื่อการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพอุตสาหกรรมการผลิตและโลจิสติกส์ให้ดียิ่งขึ้น
ดังนั้น ในบทความนี้จึงได้นำเสนอตัวอย่างการนำป้ายดิจิตอล E-Paper (E-Ink) มาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตและโลจิสติกส์ เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพชัดขึ้น ดังนี้
- การใช้ E-Paper ในการเบิก - รับสินค้าเข้าคลัง
- การใช้ E-Paper แสดงข้อมูลบนรถเข็นสำหรับเตรียม Material ในการผลิต
- แจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อวัตถุดิบ/ส่วนประกอบในไลน์ผลิตใกล้หมด
- ลดเวลา Downtime ของเครื่องจักร
2. บอกลากระดาษ! สร้างระบบอัตโนมัติ ติดตามกระบวนการผลิตได้ทุกขั้นตอน E-Paper Display in Manufacturing & Warehouse
หากพูดถึงกระบวนการผลิตแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีขั้นตอนมากและซับซ้อน ถึงแม้ว่าจะมีการนำระบบการจัดการต่างๆ เข้ามาใช้งาน แต่ส่วนใหญ่ข้อมูลการเตรียมออเดอร์สำหรับผลิตแต่ละวันยังคงใช้เอกสารและคนในการจัดเรียงและเช็กความถูกต้องด้วยตนเอง ซึ่งอาจเกิดข้อผิดพลาดและข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการผลิตที่รวดเร็ว และมีจำนวนมากขึ้นได้
รวมถึงระบบการจัดการผลิตที่ยังใช้ป้ายข้อมูลแบบพิมพ์ เช่น ข้อมูลวัตถุดิบ วันที่ผลิต/หมดอายุ lot.No หรือบาร์โค้ดแบบเดิมอยู่นั้น มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายได้ง่าย หรือตกหล่นระหว่างทาง ชั้นวาง ทำให้ไม่สามารถเชื่อถือได้ 100% ทำให้กระบวนการผลิตผิดพลาด และ Stock ที่จัดเก็บวัตถุดิบ/ส่วนประกอบไม่ตรงตามจริงกับระบบ
4 ตัวอย่างการนำโซลูชั่น E-Paper (E-Ink) มาใช้งานในอุตสาหกรรมการผลิตและโลจิสติกส์
1. การใช้ E-Paper ในการเบิก – รับสินค้าเข้าคลัง
ช่วยให้พนักงานสามารถเช็กสินค้ารับเข้า – คงคลังได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว แม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยการสแกน Barcode จาก e-paper (e-ink) display ได้ทันที ไม่ต้องรอปรินท์ เพื่อเปลี่ยนป้ายใหม่ เมื่อมีการเบิก – รับเข้าสินค้าออกไป
และนำไปใช้ในการเตรียมออเดอร์การผลิตในแต่ละวัน เมื่อมีการแบ่งสาร หรือวัตถุดิบไปใช้ โดยข้อมูลจะสามารถเปลี่ยนแบบ Real-Time ไม่ต้องเปลี่ยนกระดาษทุกวัน
ที่สำคัญยังสามารถส่งสัญญาณแจ้งเตือนพนักงานได้ผ่านการเปลี่ยนสีตัวอักษร เช่น การเปลี่ยนเป็นสีแดง เมื่อปริมาตรของวัตถุดิบคงเหลือน้อยกว่าที่กำหนด ช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งข้อดีของการนำ E-Paper ที่สามารถ Update แสดงข้อมูลสินค้า/วัตถุดิบคงคลังได้อัตโนมัติแบบ Real-Time เข้ามาใช้ในการเบิก – รับสินค้าเข้าคลัง คือช่วยป้องกันวัตถุดิบขาด Stock และลดปริมาณของค้าง stock จนหมดอายุ สามารถให้พนักงานใช้วิธีหยิบแบบ FIFO ซึ่งช่วยลดของเสีย ลดต้นทุน ไม่ทำให้ Material เสื่อมประสิทธิภาพ
2. การใช้ E-Paper แสดงข้อมูลบนรถเข็นสำหรับเตรียม Material ในการผลิต
เพราะออเดอร์ในการผลิตในแต่ละวันนั้นใช้ Material ที่มีปริมาณแตกต่างกัน การรอเอกสารและต้องติดป้ายหน้ากล่องทุกกล่องบนรถเข็น อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดและยังใช้เวลาเยอะ การนำ E-Paper เข้ามาใช้งานจึงช่วยลดเวลาในการติดป้าย ซึ่ง E-Paper สามารถแสดงข้อมูลของวัตถุดิบ เพียงการ Scan ไม่ต้องเสียเวลาปรินท์
นอกจากนี้ หน้าจอหลักที่ติดอยู่บนรถเข็นยังแสดงข้อมูล Location จึงช่วยให้พนักงานสามารถเข็นรถไปยัง Station และหยิบวัตถุดิบที่ต้องใช้ใน Production Line ได้อย่างถูกต้อง ช่วยลดเวลา และสามารถ Update ข้อมูลได้อย่าง Real-Time
3. แจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อวัตถุดิบ/ส่วนประกอบในไลน์ผลิตใกล้หมด ลดเวลา Downtime ของเครื่องจักร
ระหว่างการผลิต พนักงานต้องมีการตรวจสอบว่าวัตถุดิบ/ส่วนประกอบใกล้หมดหรือไม่ และต้องเดินหาวัตถุดิบนั้นๆ แต่การใช้ E-Paper จะช่วยให้ขั้นตอนนี้เป็นระบบอัตโนมัติ
โดยหลักการทำงานคือ หากวัตถุดิบในไลน์ผลิตใกล้จะหมด ผู้ผลิตสามารถตั้งค่าให้เครื่องจักรส่งข้อมูลไปยัง Server ส่วนกลาง และตั้งค่าให้ E-Paper (E-ink) Display แจ้งเตือนพนักงานเพื่อเติมวัตถุดิบได้อีกด้วย โดยสามารถแสดงข้อมูลเป็นสีแดง หรือการกะพริบไฟเพื่อแจ้งเตือน
4. บอกลากระดาษ! สร้างระบบอัตโนมัติ ติดตามกระบวนการผลิตได้ทุกขั้นตอน
ส่วนใหญ่ในการผลิต วัตถุดิบ/ส่วนประกอบไม่ได้ถูกผลิตเสร็จภายในขั้นตอนเดียว ต้องถูกส่งไปยังอีกหลายขั้นตอน ดังนั้น ในระหว่างกระบวนการ พนักงานจึงต้องเช็กเอกสารด้วยตนเอง เพื่อตรวจสอบสถานะในปัจจุบันของ Material และส่งต่อไปยังกระบวนการถัดไป
การใช้ E-Paper ช่วยลดขั้นตอนเหล่านี้ลง โดยพนักงานเพียงแค่ Scan Confirm เมื่อจบกระบวนการ E-Paper จะแสดงข้อมูลสถานะปัจจุบันและขั้นตอนต่อไป จึงช่วยให้พนักงานทราบสถานะการผลิตปัจจุบัน และการดำเนินงานในขั้นตอนต่อได้แบบ Real-Time โดยไม่ต้องปรินท์ข้อมูล และติดกระดาษเพื่อเปลี่ยนสถานะให้ยุ่งยากและเสียเวลา
E-Paper Display in Manufacturing & Warehouse โซลูชั่นสำหรับการจัดการปัญหาในการสื่อสารทั้งหมดในการผลิตและโลจิสติกส์
4 ข้อดี/ประโยชน์ที่ผู้ผลิตได้รับเมื่อใช้ป้ายดิจิตอล E-Paper
- สื่อสารได้ทันที Update ข้อมูลแบบ Real-Time
ด้วยการรับ – ส่ง รวบรวมและจัดการข้อมูลผ่านส่วนกลาง จึงทำให้ E-Paper สามารถ Update แสดงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แบบ Real-Time ช่วยให้พนักงานรับรู้ข้อมูลจริง และปฏิบัติงานต่อได้ทันที
- ลดจำนวนคน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
การเปลี่ยนมาใช้ระบบป้ายดิจิตอลมาแทนเอกสาร/กระดาษ ช่วยลดขั้นตอนของพนักงานให้เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น ลดความผิดพลาด พนักงานสามารถไปโฟกัสกับงานสำคัญได้
- ข้อมูลถูกต้อง รวดเร็ว แม่นยำสูง
ข้อมูลถูกต้องแม่นยำกว่า 90% เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ป้ายกระดาษ ซึ่งอาจเกิดการฉีกขาด ข้อมูลไม่สมบูรณ์ หรืออาจเกิดการหล่นหาย ทำให้ข้อมูลไม่ตรงตามจริง
- อายุการใช้งานยาวนาน ประหยัดพลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม
ด้วยแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 5 ปี ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย จึงช่วยลดปริมาณขยะ และสามารถช่วยลดการใช้กระดาษเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมได้
การใช้ป้ายกระดาษแบบเดิมนั้น นอกจากใช้เวลานานแล้ว ยังทำให้เกิดข้อผิดพลาดสูงในเรื่องการ Update ข้อมูล ซึ่งหากข้อมูลไม่ถูกต้องตามจริง เช่น ปริมาณของวัตถุดิบใน Stock ที่ไม่ตรงกับป้ายแสดงข้อมูล หรือสถานะของ Material ในไลน์ผลิต อาจทำให้การดำเนินการล่าช้าลง และเกิดราคาต้นทุนที่สูงขึ้น
ซึ่งการใช้ E-Paper (E-ink) Display เป็นการนำเทคโนโลยี IoT เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต สามารถจัดการข้อมูลโดยการ Update ผ่านส่วนกลาง แสดงข้อมูลสำคัญแบบ Real-Time ทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเห็นข้อมูลได้ตลอดเวลา จึงสามารถแก้ปัญหาในการสื่อสารการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงและพัฒนากระบวนการให้ดียิ่งขึ้น โดยเปลี่ยนให้เป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ E-Paper display in Warehouse & Manufacturing หรือติดต่อเราตอนนี้ เพื่อทำให้คลังสินค้าและการผลิตของคุณกลายเป็นระบบอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและจัดการ Stock ให้เป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น Add Line ได้ที่ปุ่มขวาด้านล่าง Riverplus ยินดีให้คำปรึกษาและออกแบบโซลูชั่น เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุดจากบริการของเราค่ะ