Smart Warehouse : 6 เทคโนโลยีที่ต้องมีก่อนปี 2025

warehouse-คลังสินค้า-1

       คลังสินค้า  (Warehouse)

       แม้ว่าไม่มีใครสามารถรู้ได้อย่างแท้จริงว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่เราก็สามารถจินตนาการได้ โดยบทความนี้จะพาคุณไปสำรวจคลังสินค้า (Warehouse) และเทคโนโลยีที่ควรนำมาใช้ในปี 2025 โดยอ้างอิงจากโมเดลและแนวโน้มในปัจจุบัน

       จากเคสตัวอย่างของผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ของอาหารสดแช่แข็ง และอาหารแปรรูปแห่งหนึ่ง เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปีที่ผ่านมา ทำให้คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าของพวกเขาในปัจจุบันต้องต้องเปลี่ยนวิธีและกระบวนการทุกอย่างในการดำเนินงาน แต่ก็ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้กว่าปีก่อน โดยวางกลยุทธ์ไว้ ดังนี้ 

 

        The Strategy

       ผู้จัดจำหน่ายอาหารรายนี้ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า “The Touchless Warehouse” ที่มุ่งเน้นไปยัง 6 ประเด็นหลัก โดยออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่เร่งด่วนสำหรับสถาการณ์การแพร่ระบาด ที่ต้องการทั้งความปลอดภัยในพื้นที่และการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ดังนี้

       – แนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยในคลังสินค้า รวมถึงมาตรฐานและข้อกำหนดอื่นๆ

       – แอปพลิเคชั่น RFID โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่ม Passive Scanning ซึ่งช่วยลดการสัมผัสด้วยมือและการใช้กระดาษ

       – Remote Device Management Tool ลดการเดินทางไป Site งาน ควบคุมและจัดการอุปกรณ์ได้จากระยะไกล  

       – การสั่งการด้วยเสียงจะช่วยลดการใช้อุปกรณ์บางอย่าง ทำให้ลดการใช้กระดาษจำนวนมาก และสัมผัสน้อยลง

       – Personal mobile workstation ที่ช่วยลดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ร่วมกันและให้พนักงานรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากกันและกัน

       – ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางเลือกใหม่ๆ เพื่อลดจำนวนของป้ายและฉลากที่ใช้ทั้งหมด และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน

        และนี่คือรายละเอียดและผลลัพธ์ที่ผู้จัดจำหน่ายอาหารได้นำกลยุทธ์นี้ไปใช้ในคลังสินค้า (Warehouse)

warehouse-คลังสินค้า-2

       1. เกิดนิยามใหม่ของคำว่า “ความปลอดภัย”

       เกิดมาตรฐานใหม่สำหรับการรักษาความปลอดภัยในที่ทำงาน  โดยคำนึงถึงสุขอนามัยและความสะอาด ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้สำหรับการตรวจสอบคนงาน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับกะต่อไป มีการจัดการและทำความสะอาดอุปกรณ์ กำหนดแนวทางในการปฏิบัติและการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) และมีการจัดตั้งคณะกรรมการข้ามบริษัทเพื่อให้ติดตามการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ให้คำแนะนำสำหรับการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงตามสถานการณ์

 

       2. Passive Scanning และประโยชน์ที่ได้จาก RFID

        หลังจากที่แยกย่อยกระบวนการต่าง ๆ ทั้งหมดในคลังสินค้า เพื่อมองหาโอกาสในการปรับใช้โซลูชัน RFID ที่จะเข้ามาเปลี่ยนกระบวนการบางอย่างไปใช้โซลูชัน Passive Scanning เพื่อลดการสัมผัสกับสินค้าหรืออุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะเคยได้ยินถึงการใช้งานและข้อดีของ RFID มาหลายปีแล้ว แต่การระบาดใหญ่ครั้งนี้ เป็นโอกาสที่แท้จริงในการทดลองใช้ในพื้นที่เฉพาะ เพื่อเป้าหมายด้านความปลอดภัยและการผลิต

       RFID ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในส่วนของการจัดเก็บข้อมูลของแผนกแช่แข็งระยะยาว เพื่อปรับปรุงความแม่นยำในการเก็บข้อมูลแบบ Real-time และช่วยทำให้ Product Turnover รวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถรับประกันได้ว่าผู้จัดจำหน่ายจะสามารถตอบสนองความต้องการของซัพพลายเชนที่สำคัญได้ กล่องที่เข้าสู่ช่องแช่แข็งมี Tag ติดไว้ โดยเกตเวย์ทั้งทางเข้าช่องแช่แข็งและด้านในได้บันทึกทุกอย่างที่เข้ามา ตั้งแต่การรับไปจนถึงการเติมสินค้า ด้วยการอัพเดท Inventory Counter ใน Warehouse Management System (WMS) แบบ Real Time ทำให้ผู้จัดจำหน่ายไม่จำเป็นต้องใช้ Handheld Mobile Computer ในช่องแช่แข็งอีกต่อไป

 

        3. “Untouchable” ความเร็วที่มาจากการสั่งด้วยเสียง

        ในกระบวนการตรวจสอบระบบ Picking ผู้จัดจำหน่ายพบว่ายังสามารถเพิ่มความเร็วให้กับกระบวนการได้อีก (ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วน ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดสูง) และยังสามารถลดข้อผิดพลาดได้ ด้วยการใช้ Voice Technology ซึ่งสามารถช่วยลดเอกสารและกระดาษที่ต้องใช้ในระบบก่อนหน้านี้ได้

        ซึ่งในการใช้เทคโนโลยีนี้ อุปกรณ์จะประกอบด้วยดหูฟังและอุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ ให้กับพนักงานแต่ละคน เพื่อลดการใช้ของร่วมกันให้น้อยที่สุด โดยอุปกรณ์จะต้องผ่านกระบวนการฆ่าเชื้ออย่างเข้มงวด

 

        4. ขับเคลื่อนด้วย Mobile Power เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการผลิต

       อีกนวัตกรรมหนึ่งที่ผู้จัดจำหน่ายอาหารรายนี้นำไปใช้ในระบบ นั่นก็คือ Mobile-powered Cart  โดยการวาง Label-printing Station ไว้บนรถเข็นที่ติดตั้ง Lithium Battery ไว้ ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการรับได้เกือบ 2 เท่า โดยทีมงานสามารถพิมพ์ฉลากและเอกสารตามต้องการในขณะที่กำลังประมวลผลแต่ละพาเลทที่เข้ามา ก่อนที่จะถูกจัดเก็บ ทำให้คนงานไม่ต้องเดินไปมาที่โรงพิมพ์ที่อยู่ตรงข้ามกับ Shop Floor อีกต่อไป

       แน่นอนว่า ระบบนี้มีประโยชน์ด้านความปลอดภัยเป็นอย่างมาก โดยสามารถลดการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนงานได้อย่างมีนัยสำคัญ พวกเขาไม่ต้องรวมตัวกันในพื้นที่เดียวกันหรือต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่นในระหว่างการขนส่งอีกต่อไป ซึ่งผู้ผลิตได้ตัดสินใจลงทุนกับ Printer เพิ่มเติม เพื่อให้แต่ละช่องของการรับเอกสารเป็น Workstation ส่วนตัว ช่วยปรับปรุงระบบ Dock-to-stock ให้ดีขึ้น

 

        5. Remote Device Management ทำให้เกิด  “No Touch” 

       ก่อนที่มาตรการข้างต้นทั้งหมดจะถูกนำมาใช้ในปี 2020 ผู้จัดจำหน่ายอาหารรายนี้ได้ใช้ซอฟต์แวร์การจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่ (MDM) ด้วยเหตุนี้ ทีมไอทีของผู้จัดจำหน่ายจึงสามารถอัปเดตการกำหนดค่าซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ปรับใช้ทั้งหมดได้จากทุกที่ในโลก โดยฝ่ายไอทีสามารถสร้างและปรับใช้สิทธิ์ในการเข้าถึงของแต่ละคน เพื่อเข้าถึงโมดูลเฉพาะของ WMS ของผู้จัดจำหน่ายและระบบอื่นๆ ได้ ซึ่งช่วยลดการเดินทาง และให้ความสามารถในการปรับตั้งค่า การอัปเดตตามกำหนดการ และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยไม่ต้องสัมผัสอุปกรณ์ใดๆ โดยตรง

 

        6. ตัวเลือกที่ดีกว่า ช่วยลดเวลาและการสัมผัส

        ส่วนหนึ่งในความต้องการที่จะลดการสัมผัสให้ได้มากที่สุด ผู้จัดจำหน่ายจึงได้พิจารณาถึงขั้นตอนในการจัดส่ง และตัดสินใจว่าถึงเวลาที่จะการเปลี่ยนแปลงการใช้บรรจุภัณฑ์และฉลาก รวมถึงเครื่องพิมพ์เลเซอร์ เพื่อช่วยลดการใช้กระดาษ ลดการสัมผัสที่น้อยลง เพื่อประสิทธิภาพในการบรรจุที่ดียิ่งขึ้น

 

 

       อนาคตเปลี่ยนแปลงเร็ว – คุณพร้อมหรือยัง?

       แน่นอนว่าการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าทุกแห่ง ซึ่งคุณอาจจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างในช่วงเวลาของการแพร่ระบาดในครั้งนี้แล้ว จุดแข็ง จุดอ่อน ปัญหาที่เกิดขึ้น

         แล้วคุณคิดว่าควรจะแก้ไข หรือปรับเปลี่ยนการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างไรก่อนจะถึงปี 2025 ?  

        แม้ว่าคุณจะเป็นคนเดียวที่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้ แต่เราสามารถช่วยให้คุณเข้าใจเทคโนโลยีที่ใช้ในคลังสินค้า  (Warehouse)  ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ในปัจจุบัน เพื่อให้แน่ใจว่า การดำเนินงานคลังสินค้าของคุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความจำเป็นในอนาคต สามารถติดต่อเราได้ที่ Chat ด้านข้างหรือดูโซลูชั่นของเราทั้งหมดได้ที่ https://logistic.riverplus.com