5 กุญแจสำคัญสู่ SMART WAREHOUSE ที่ยั่งยืน

agv-blog

SMART WAREHOUSE

SMART WAREHOUSE - agv

       เมื่อในปี 2020 ได้เกิดโรคระบาดที่เกินกว่าใครจะคาดคิด แล้วอะไรคือผลกระทบสำหรับคลังสินค้าสำหรับในปี 2021 นี้ และนี่คือการคาดการณ์แนวโน้มอนาคตของ Smart Warehouse ไว้ 4 ข้อ ดังนี้

 

  1. ทิศทางของ Ecommerce และการใช้บริการ Micro-fulfilment Centres 

       Ecommerce ได้เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงของการแพร่ระบาดในปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อธุรกิจอาจมองข้ามข้อจำกัดบางอย่าง? ผู้ซื้อจะกลับไปซื้อของในห้างร้านค้าปลีกจำนวนเท่าเดิมหรือไม่? ทิศทางที่ไร้ทิศทางเช่นนี้ทำให้ร้านค้าปลีกยังไม่แน่ใจว่าจะลงทุนกับที่ใดหรือจะให้บริการลูกค้าได้ดีที่สุดผ่านทางช่องทางการซื้อขายอย่างไร หรือการใช้ประโยชน์จากการบริการ Micro-fulfilment Centres จะส่งผลดีต่อธุรกิจ เนื่องจากมีขนาดเล็กที่มีระบบ Automation ประสิทธิภาพสูง และตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับลูกค้า หรืออาจตั้งอยู่ในเขตร้านค้าที่มีอยู่ ซึ่งเป็นการลดต้นทุนให้กับธุรกิจ และปรับขนาดให้เล็กลงเพื่อช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าให้เหลือเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง  

       เช่นเดียวกับระบบ Micro-automate ที่รวมการจัดส่งพัสดุที่ถูกกำหนดโดยผู้ให้บริการหรือหน่วยงาน เพื่อหาการจัดส่งแบบ “Last Mile” ในเขตเมือง ซึ่งศูนย์กลางการรวมข้อมูลในพื้นที่เหล่านี้จะต้องมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจ แต่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถรับพัสดุจำนวนมากที่สั่งซื้อจากร้านค้าปลีกต่างๆ โดยใช้ Pin-code ที่จุดรับ คล้ายๆ หรือคล้ายๆ กับระบบของ “Atm” นั่นเอง ซึ่งความกังวลในด้านของสิ่งแวดล้อมในด้านสภาพอากาศและความแออัดจะเป็นสิ่งผลักดันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโลจิสติกส์ในเมืองให้เกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

       โดยเทคโนโลยี Micro-fulfilment จะถูกพัฒนาขึ้นและนำมาใช้งานได้ภายในปีนี้ เนื่องจากสามารถจำลองและปรับใช้เป็น Network Solution ได้อย่างง่ายดาย

 

 

  1. ความคล่องตัว ความยืดหยุ่น และพื้นที่

       หลังจากเหตุการณ์สุดช็อกที่เกิดขึ้นในปี 2020 จากการเกิดโรคระบาด ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิตรายใหญ่ต่างก็ต้องการสร้างความยืดหยุ่นให้กับ Supply Chains มากขึ้น โดยการจัดหาซัพพลายเออร์หลายแห่ง ที่อาจมีขนาดเล็กกว่ามากและเป็นธุรกิจในท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งซัพพลายเออร์เหล่านี้จะต้องปรับใช้ระบบและกระบวนการที่คล่องตัว เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดโดยลูกค้ารายย่อยขนาดใหญ่ สำหรับหลายๆ คนแล้ว สิ่งนี้อาจหมายถึงการอัพเกรดระบบการจัดการคลังสินค้าและการสร้างความคล่องตัวโดยใช้ระบบอัตโนมัติที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้อย่างคล่องตัว

       การเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับคลังสินค้าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากไม่มีการจัดการที่ดี นั่นหมายถึงการสต็อกสินค้าที่มากขึ้น ซึ่งแปลว่าต้องมีคลังสินค้าเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับพื้นที่คลังสินค้าเนื่องจากสถานการณ์ของ Covid-19 และการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งของ Ecommerce จะกลายเป็นปัญหาสำคัญสำหรับธุรกิจในปี 2564 และในปีต่อๆ ไป จากรายงานปี 2020 ที่เผยแพร่โดยตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ Knight Frank คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นจะผลักดันให้เกิดความต้องการพื้นที่คลังสินค้าในสหราชอาณาจักร 92 ล้านตารางฟุตภายในปี 2567 ดังนั้น การวางแผนคลังสินค้าอย่างรอบคอบและการใช้ระบบอัตโนมัติที่ชาญฉลาด สามารถให้โซลูชันที่คุ้มค่าในการใช้พื้นที่เดิมที่มีอยู่แล้ว

       ธุรกิจจะต้องออกแบบระบบอัตโนมัติอย่างชาญฉลาด เพื่อทำให้สามารถปรับขนาดได้ และลงทุนในโครงการที่มี Capex ต่ำ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าได้ทันที โดยต่างจากการมุ่งเน้นไปที่โครงการขนาดใหญ่ที่ใช้ระยะเวลานานกว่า

 

 

  1. Digital Transformation

       ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ ขึ้นอยู่กับการเข้าถึงและการวิเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญ ธุรกิจที่ชาญฉลาดจะพัฒนา Smart Warehouse ซึ่งมีหุ่นยนต์ ระบบ Picking  การ Packaging และเครื่องจัดเรียง คัดแยกสินค้าที่จะถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุดในการผลิต ซึ่งไม่เพียงแต่การให้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่แสดงในแบบ Real-time เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

       คลังสินค้าและ Fulfilment Centres จะถูกพัฒนามากขึ้น ฉลาดมากขึ้น และเชื่อมต่อกันได้มากขึ้น ซึ่ง Digital Transformation ของคลังสินค้าจะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2564

       ในด้านของการควบคุม อุปกรณ์ที่ติดตั้งแบบ Field-mounted กำลังถูกพัฒนาและก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การขยายระบบที่สามารถยืดหยุ่นได้หรือการเปลี่ยนชิ้นส่วนได้อย่างรวดเร็ว การบำรุงรักษาเชิงป้องกันกำลังก้าวไปอีกขั้นด้วยการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ ซึ่งทำได้โดย Profinet (Process Field Net) และการเชื่อมต่อ Bpn ไปยังอุปกรณ์ปลายทางสำหรับการรวบรวมข้อมูลที่รวดเร็วและการ Remote ระยะไกล

 

 

  1. ปีแห่งหุ่นยนต์

       คาดการณ์ว่าในปีนี้จะเป็นปีแห่งหุ่นยนต์อย่างแท้จริง โดยเมื่อปีที่แล้วผู้ค้าปลีกได้ทำการสำรวจทุกช่องทางเพื่อหาช่องโหว่ของกระบวนการที่ยังเป็นระบบ Manual อยู่ ซึ่งช่องการขายแบบออนไลน์ในช่วงที่มีการแพร่ระบาด ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องสร้างความน่าเชื่อถือสำหรับระบบ Picking  การบรรจุ สำหรับรายการสั่งซื้อจำนวนมากและน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

       หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติที่มีความยืดหยุ่น ความเร็ว และมีประสิทธิภาพในการทำงานในระบบอัตโนมัติ จากการผลิตสินค้าสู่ผู้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญพวกเขาต้องมีความสามารถในการปรับสเกลงานได้เช่นกัน ระบบ AMR ที่รวมกับเทคโนโลยี Pick-to-light สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเลือกคำสั่งซื้อจากต่ำกว่า 100 หน่วยต่อชั่วโมง โดยใช้วิธีการแบบเดิมได้ถึง 600 ครั้งต่อชั่วโมง

 

 

       ปี 2564 จะเป็นปีที่น่าสนใจสำหรับระบบโลจิสติกส์และคลังสินค้าอัตโนมัติ สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นจัดการคลังสินค้า สามารถคลิกดูได้ที่ ระบบการจัดการบริหารคลังสินค้า

แปลและเรียบเรียงข้อมูลจาก : https://itsupplychain.com/five-key-trends-in-smart-warehousing-for-2021-beyond/