10 เทคโนโลยี พลิกโฉมระบบโลจิสติกส์และคลังสินค้าอัตโนมัติ

10tech-logistic-blog

      อนาคตของระบบอัตโนมัติในโลจิสติกส์จะเป็นอย่างไร? 

      เมื่อบริษัทด้านโลจิสติกส์และการขนส่งพัสดุภัณฑ์ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มหันมาใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจ E-Commerce ซึ่งจากรายงานของ McKinsey ได้กล่าวว่า “ระบบอัตโนมัติในโลจิสติกส์ คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ และที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือความไม่แน่นอน” เราลองมาพิจารณาถึงสาเหตุสำคัญบางอย่างว่าทำไมระบบอัตโนมัติจึงกำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม

      Machine Learning กลายเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จำเป็นสำหรับองค์กรด้านโลจิสติกส์จำนวนมาก เนื่องจากพวกเขาต้องการประสิทธิภาพที่มากขึ้นและการประเมินมูลค่าทางการตลาดที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยมีแนวโน้มที่สำคัญหลายประการกำลังผลักดันระบบอัตโนมัติให้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของวาระในการประชุมของ CEO โดยพิจารณาจาก 3 ปัจจัย คือ อัตราการขาดแคลนแรงงานที่เพิ่มขึ้น ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากผู้ค้าปลีกออนไลน์ และความก้าวหน้าทางเทคนิคที่น่าสนใจ

      McKinsey Global Institute เชื่อว่าอุตสาหกรรมการขนส่งมีศักยภาพในด้านระบบอัตโนมัติสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของทุกภาคส่วน นอกจากนี้ McKinsey ยังพบเทคโนโลยีกว่า 50 รายการที่สามารถทำให้บางส่วนของ Supply Chain เป็นไปโดยอัตโนมัติ เช่น หุ่นยนต์ การวิเคราะห์การขนส่ง และ IoT/เซนเซอร์อัจฉริยะ ซึ่งบริษัทจะต้องเผชิญกับคำถามสำคัญประการหนึ่งคือ  เทคโนโลยีใดที่จะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนมากที่สุด เมื่อระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์เป็นส่วนหนึ่งในของ 3 เทคโนโลยี Supply Chain ของ McKinsey นั่นเอง

      จากการวิจัยนี้ พบว่าระบบอัตโนมัติในปัจจุบันมีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิม มีระบบ Picking ที่รวดเร็ว สามารถรองรับการหยิบได้ 1,000 – 2,400 ครั้ง/ชั่วโมง เนื่องจากเทคโนโลยี Vision ที่ช่วยให้สามารถจัดการกับวัตถุให้ไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้ รวมถึงเทคโนโลยียังช่วยให้คลังสินค้าสามารถจัดการกับความต้องการที่มาจากหลากหลายช่องทางที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเร่งระดับการบริการเพื่อรองรับการจัดส่งภายในวันเดียวกันและวันถัดไป

      คาดว่าภายในปี 2030 การดำเนินการส่วนใหญ่อาจเป็นไปโดยอัตโนมัติ เนื่องจาก AI ที่จะทำหน้าที่ควบคุมงานที่เป็นพื้นฐานและงานที่ซ้ำซากที่มนุษย์เคยทำมาก่อนหน้านี้ McKinsey คาดการณ์ว่าจะมีระบบคลังสินค้าอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ซึ่งเราจะเห็นยานพาหนะที่ลาดตระเวนตามทางเดิน ผู้จัดการใช้แว่นตา Augmented Reality (AR) ซึ่งช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถมองเห็นได้อย่างเต็มที่ตลอดการทำงานและการประสานงานของผู้คนและหุ่นยนต์เข้าด้วยกัน ระบบการจัดการคลังสินค้าจะติดตามสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการเชื่อมโยงกับระบบการสั่งซื้อ ซึ่ง McKinsey เชื่อว่ามีเทคโนโลยี 10 อย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานได้

เทคโนโลยี-โลจิสติกส์

      เทคโนโลยีที่โดดเด่น 10 อย่างของ McKinsey ที่สามารถพลิกโฉมการดำเนินงานคลังสินค้า:

  • Multishuttle system 

การจัดเก็บอัตโนมัติและการเรียกค้นอัตโนมัติ (AS/RS) ที่ถ่ายโอนสินค้า ซึ่งโดยปกติแล้วจะอยู่บนพาเลทในรูปแบบ 3 มิติ  เพื่อใช้ในการจัดเก็บและเรียกค้นรายการโดยไม่ต้องใช้คนในการจัดการ  

  • Analytics tool

อัลกอริทึมที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพ ระบุแนวโน้ม และคาดการณ์เพื่อใช้ในการตัดสินใจในการดำเนินงาน ตลอดจนการใช้ Machine Learning เพื่อปรับปรุงตลอดเวลา

  • Optical recognition

เป็นเซนเซอร์ที่สแกนรายการเพื่อใช้การจัดเรียงและการขนส่งอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงยานพาหนะนำทางเลเซอร์ของสายพานลำเลียง และการเคลื่อนที่โดยใช้กล้องของโดรน

  • Conveyor connection

การเชื่อมต่อระหว่างระบบสายพานลำเลียง 2 ระบบที่แตกต่างกัน ซึ่งใช้ตรรกะการตัดสินใจ เพื่อส่งผลต่อการลำเลียงของสินค้า

  • Management system

ระบบวิเคราะห์และระบบดิจิทัลที่ผสานการวิเคราะห์ การรายงานประสิทธิภาพ และเครื่องมือการคาดการณ์ เพื่อให้ผู้จัดการสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

  • Smart storage

ช่วยให้การวิเคราะห์ขั้นสูงและเครื่องมือดิจิทัลสามารถวางและเรียกค้นรายการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปรับสื่อจัดเก็บข้อมูลตามลักษณะการหยิบสินค้าและการสั่งซื้อ

  • 3D printing

กระบวนการนี้สร้างชิ้นส่วนโดยการเพิ่มชั้นของวัสดุ (โดยปกติจะเป็นโลหะหรือพลาสติก) เพื่อพัฒนารูปร่าง การพิมพ์ 3 มิติ หรือที่เรียกอีกอย่างว่าการผลิตแบบเติมแต่ง

  • Swarm AGV robots

เป็นยานพาหนะอิสระที่ทำงานได้อย่างอิสระ และบนรางดิจิทัล เพื่อนำสิ่งของไปยังสถานีหยิบสินค้าตามคำแนะนำจากซอฟต์แวร์ตามลำดับขั้นตอน

  • Smart glasses

เป็นแว่นตาที่ช่วยเสริมและช่วยเหลือผู้ใช้ ซึ่งช่วยลดความไร้ประสิทธิภาพในการค้นหา

  • Picking robot

      ระบบที่มีแขนหุ่นยนต์จำลองท่าทางการหยิบของมนุษย์

      เพื่อให้ประสบความสำเร็จในด้านโลจิสติกส์ ทุกบริษัทในภาคธุรกิจจะต้องคำนึงถึง 2 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ความเร็วและความหลากหลาย เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดในการจัดส่งในวันเดียวกัน ซึ่งจำเป็นต้องมีระบบอัตโนมัติมากขึ้นในการหยิบบรรจุและการจัดเรียง

      อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่เช่น Amazon และ JD.com ได้สร้างข้อมูลรับรองด้านโลจิสติกส์ของตนเองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในปี 2019 Amazon เปิดตัวการจัดส่งภายในวันเดียว ส่วน JD.com เปิดตัวโลจิสติกส์พาร์คที่ขับเคลื่อนโดยเครือข่าย 5G ซึ่งระบุว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและขับเคลื่อนกลยุทธ์ IIOT

     Amazon และ JD.com ปรับใช้ระบบโลจิสติกส์ภายในองค์กรของตนเองเป็นอันดับแรก ผ่านช่องทางที่ให้ผลกำไรมากมาย เช่น การจัดส่งพัสดุในเขตเมืองที่หนาแน่นรวมถึงการขยายพื้นที่อื่นๆ การขับเคลื่อนโดยองค์กรหลักนี้คือการสร้างคลังสินค้าให้มากขึ้น และการจัดส่งสินค้าภายในวันเดียวกัน ซึ่งหมายความว่า บริษัทจะต้องมีความคล่องตัวเพื่อให้ทันกับการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ความเร็ว” ในการปรับใช้ ท่ามกลางอุตสาหกรรมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลอย่างรวดเร็ว

เรียบเรียงข้อมูลจาก : https://www.supplychaindigital.com/